ในโลกของการบันทึกเสียง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดนตรีที่กำลังสร้างสรรค์บทเพลง พอดแคสเตอร์ที่ต้องการเสียงพูดที่คมชัด นักข่าวภาคสนามที่สัมภาษณ์ผู้คน หรือแม้แต่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมออนไลน์อยู่เป็นประจำ คุณภาพเสียงคือหัวใจสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ และหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่สุดที่จะกำหนดว่าเสียงที่เราได้รับฟังนั้นจะคมชัด รายละเอียดครบถ้วน และปราศจากสิ่งรบกวนมากน้อยเพียงใด ก็คือความเข้าใจในเรื่องของ ” Polar Pattern ” ของไมโครโฟน หรือที่ในวงการอาจเรียกอีกอย่างว่า “Pickup Pattern” ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงทิศทางการรับเสียงของไมโครโฟนแต่ละชนิด
ประเภทของ Polar Pattern
โดยทั่วไปแล้ว Polar Pattern จะแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่น จุดด้อย และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
1. Omnidirectional (ออมนิไดเรคชันแนล)

ไมโครโฟนที่มีรูปแบบ Omnidirectional นั้นเปรียบเสมือน “หู” ที่เปิดกว้าง รับเสียงได้เท่ากันจากทุกทิศทางโดยรอบตัวไมโครโฟน (360 องศา) อย่างสม่ำเสมอ กราฟที่แสดงถึงรูปแบบนี้จึงเป็นรูปวงกลมที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีส่วนใดเว้าแหว่ง
จุดเด่นของออมนิไดเรคชันแนล
ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและสมจริงที่สุด เนื่องจากสามารถเก็บรายละเอียดของเสียงและบรรยากาศรอบข้างได้อย่างครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการวางตำแหน่งไมโครโฟนมากนัก เพียงแค่หันไมค์ไปในทิศทางใดก็ได้เสียงเหมือนกันหมด เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงที่ต้องการความกว้างของพื้นที่เสียง (Soundstage)

ควรเลือกใช้ไมค์ที่รับรูปแบบนี้ไหม และมีจุดที่ต้องระวังตรงไหนบ้าง
เนื่องจากรับเสียงจากทุกทิศทาง จึงมีโอกาสที่จะ รับเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมได้ง่าย และในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังหรือมีระบบลำโพงใกล้เคียง ก็มีแนวโน้มที่จะ เกิดเสียงหอน (Feedback) ได้ง่าย กว่าไมโครโฟนชนิดอื่น
เหมาะสำหรับใคร
การบันทึกเสียงบรรยากาศโดยรวม เช่น เสียงฝูงชน เสียงธรรมชาติ, การสัมภาษณ์กลุ่มหรือการประชุมที่มีผู้ร่วมสนทนานั่งล้อมรอบ, การบันทึกเสียงดนตรีวงใหญ่ที่ต้องการเก็บมิติเสียงโดยรวม, และเป็น Polar Pattern ที่มักพบในไมโครโฟนติดปกเสื้อ (Lavalier Mic) เพื่อความสะดวกในการใช้งานโดยไม่ต้องคำนึงถึงทิศทาง
2. Cardioid (คาร์ดิออยด์)

นี่คือรูปแบบที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด กราฟของ ไมโครโฟนชนิด Cardioid จะมีลักษณะคล้าย รูปหัวใจ โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ รับเสียงจากด้านหน้าของไมโครโฟนได้ดีที่สุด และจะค่อยๆ ลดความไวลงเมื่อเสียงมาจากด้านข้าง จนกระทั่ง ปฏิเสธเสียงจากด้านหลังไมโครโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของคาร์ดิออยด์
สามารถ แยกเสียงแหล่งกำเนิดเสียงหลักได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้เสียงพูดหรือเสียงร้องมีความชัดเจนโดดเด่น ลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสการเกิดเสียงหอนได้ดีกว่า Omnidirectional อย่างเห็นได้ชัด

ควรเลือกใช้ไมค์ที่รับรูปแบบนี้ไหม และมีจุดที่ต้องระวังตรงไหนบ้าง
มีความไวต่อ “Proximity Effect” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เสียงทุ้มหรือเบสจะเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนเข้าใกล้ไมโครโฟนมากขึ้น ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความเข้าใจในการวางตำแหน่งไมค์เพื่อควบคุมเอฟเฟกต์นี้
เหมาะสำหรับใคร
การร้องเพลงบนเวที, การพูดบรรยาย, การจ่อไมโครโฟนกับเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น (เช่น กีตาร์ ตู้แอมป์กลอง), การบันทึกเสียงในสตูดิโอที่ต้องการแยกเสียงแต่ละแทร็กออกจากกันอย่างชัดเจน
3. Supercardioid (ซูเปอร์คาร์ดิออยด์) และ Hypercardioid (ไฮเปอร์คาร์ดิออยด์)

รูปแบบเหล่านี้คือวิวัฒนาการที่เน้นความแคบและพุ่งตรงของทิศทางการรับเสียงให้มากยิ่งขึ้น กราฟของ Supercardioid และ Hypercardioid จะมีลักษณะที่ แคบและพุ่งตรงไปด้านหน้ามากกว่า Cardioid ทำให้สามารถโฟกัสเสียงจากแหล่งกำเนิดที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างแม่นยำสูงสุด อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างสำคัญคือ Supercardioid จะมี lobe การรับเสียงเล็กน้อยจากด้านหลัง ในขณะที่ Hypercardioid จะมี lobe การรับเสียงจากด้านหลังที่ชัดเจนกว่า Supercardioid เล็กน้อยแต่ก็ยังคงแคบมาก
จุดเด่นของซูเปอร์คาร์ดิออยด์และไฮเปอร์คาร์ดิออยด์
สุดยอดแห่งการ แยกเสียงแหล่งกำเนิดเสียงหลัก และ ปฏิเสธเสียงรบกวนจากด้านข้างได้อย่างเด็ดขาด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันเสียงหอนในสถานการณ์ที่ท้าทาย
ควรเลือกใช้ไมค์ที่รับรูปแบบนี้ไหม และมีจุดที่ต้องระวังตรงไหนบ้าง
ผู้ใช้จำเป็นต้อง วางตำแหน่งไมโครโฟนให้แม่นยำที่สุด เนื่องจากทิศทางการรับเสียงที่แคบมาก หากแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ออกจากแกนรับเสียงเพียงเล็กน้อย เสียงก็อาจจะขาดหายหรือเบาลงได้อย่างชัดเจน
เหมาะสำหรับใคร
การแสดงสดบนเวทีขนาดใหญ่ที่ต้องการแยกเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นอย่างเด็ดขาด, การจ่อไมค์เครื่องดนตรีที่ส่งเสียงดังและต้องการความแม่นยำสูง (เช่น กลองชุด), และเป็น Polar Pattern พื้นฐานของไมโครโฟนแบบ Shotgun ที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์และวิดีโอเพื่อรับเสียงสนทนาจากระยะไกลโดยเฉพาะ
4. Bi-directional / Figure-8 (ไบไดเรคชันแนล / ฟิกเกอร์-8)

ไมโครโฟนประเภทนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กราฟของมันมีลักษณะคล้าย เลข “8” โดยจะ รับเสียงได้ดีเยี่ยมจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังของไมโครโฟนเท่าๆ กัน แต่จะ ปฏิเสธเสียงจากด้านข้างได้อย่างสมบูรณ์
จุดเด่นของไบไดเรคชันแนล
เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการบันทึกเสียงจากสองแหล่งกำเนิดเสียงที่อยู่ตรงข้ามกันพร้อมๆ กัน
เหมาะสำหรับใคร
การสัมภาษณ์ที่ผู้ให้สัมภาษณ์และผู้สัมภาษณ์นั่งหันหน้าเข้าหากัน, การบันทึกเสียงร้องและเครื่องดนตรีอะคูสติกพร้อมกัน (เช่น นักร้องและกีตาร์), และเป็น Polar Pattern พื้นฐานที่ใช้ในเทคนิคการบันทึกเสียงสเตอริโอแบบ Blumlein (ซึ่งใช้ไมโครโฟน Figure-8 สองตัว)
สรุป
รูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟนนั้นมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่ละประเภทก็มีเอกลักษณ์หรือคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือกใช้แต่ละประเภทก็จะขึ้นอยู่กับงานสตรีมเมอร์แต่ละสไตล์ของเพื่อนๆเลยครับ บางชนิดก็เหมาะกับการใช้งานคนเดียว บางชนิดก็เหมาะกับแขกรับเชิญหลากหลายคน เลือกที่ใช่สำหรับตัวเอง จะทำให้งานสตรีมเมอร์ของเรามีคุณภาพมากครับ