SSI ในไฟสตูดิโอ LED มาตรฐานความแม่นยำสีใหม่ล่าสุด (Led light colors index)

เลือกไฟสตูดิโอ LED ควรเลิกดูค่า CRI, TLCI อะไรทั้งหลายได้แล้วนะ

ยาวนิดนึง แต่อยากให้อ่านกันครับคืออยากบอกว่าตอนนี้ถ้าจะซื้อไฟสตูดิโอ LED ไว้ใช้งานควรเลิกดูค่า CRI, TLCI อะไรทั้งหลายได้แล้วนะ ค่าที่เราต้องดูคือค่า SSI (Spectral Similarity Index) เท่านั้นเลยจริงๆ เพราะอะไร ? เรามาทำความรู้จักค่าเหล่านี้กันก่อนดีกว่า

SSI (Spectral Similarity Index)
ถูกพัฒนาขึ้นโดย The Academy of Motion Picture Arts and Sciences หรือที่เราคุ้นเคยกัน ก็ที่เค้ามอบรางวัล Oscar นั้นแหละครับ โดย SSI ไม่ได้ใช้การเทียบเคียงหรือวัดกับแม่สี แต่ใช้ Color Spectrum ที่ครอบคลุมทุกสีทุกเฉด และถูกพัฒนามาเพื่อไฟ LED สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และการมองเห็นสีของกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะ

1. CRI (Color Rendering Index)

เห็นกันบ่อยๆเลย จนเข้าใจไปว่าเป็นค่ามาตรฐานของไฟสตูดิโอ LED ไปแล้ว พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ยุค 1960 โน้น หลักๆก็เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสิ่งทอ และงานสถาปัตยกรรม โดยนำแหล่งกำเนิดแสงเทียบกับแม่สี “8 สี” และใช้สายตาเป็นตัวเทียบเกณฑ์การให้คะแนน โดยมีคะแนนเต็มที่ 100

2. TLCI

(Television Lighting Consistency Index)

พัฒนาขึ้นโดยคณะกรรมการด้านเทคนิคของ EBU (European Broadcasting Union) เพื่อเป็นค่ามาตรฐานให้ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ใช้ประเมินอุปกรณ์ให้แสงสว่างหรือประเมินคุณภาพสีในการผลิตสื่อ โดยที่ค่า TLCI จะเป็นการวัดค่าสีจากการเทียบผ่านกล้อง ว่ามีสีที่ใกล้เคียงกับสีที่เห็นด้วยตา มากน้อยแค่ไหน โดยมีสีที่ทำการทดสอบ “24 สี”

3. TM-30

(Technical Memorandum 30)

เป็นมาตรฐานการวัดความเที่ยงตรงของสีจากแหล่งกำเนิดแสง ใช้วิธีทางสถิติโดยการหาค่าเฉลี่ยของ ความเที่ยงตรงของสี (Color Fidelity) และขอบเขตสี (Color Gamut) กับเฉดสี (Hue Shift) ออกมาเป็นตัวเลขและเส้นกราฟ TM-30 พัฒนาโดย The Illuminating Engineering Society (IES) TM-30 ทำการหาค่าดัชนีชี้วัดความเที่ยงตรงของสีจากสีค่าเฉลี่ยสีทั้งหมด “99 สี”

แล้วมันไม่ตอบโจทย์ตรงไหน ?

1. CRI มีตัวอย่างสีที่น้อยนิดมาก และไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับอุตสาหกรรมการถ่ายภาพและภาพยนตร์เลย และใช้สายตาของมนุษย์เป็นเกณฑ์การให้คะแนน

2. TLCI ถึงจะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการทำสื่อภาพยนตร์ แต่ก็อ้างอิงกับกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่เป็น 3 เซนเซอร์ ไม่ใช่กล้องเซนเซอร์เดียว ที่เราๆใช้กันแพร่หลาย การมองเห็นสีจึงแตกต่างกันแน่นอน

3. TM-30 ถึงพัฒนาจนมีตัวอย่างสีถึง 99 สี แต่ก็ถือว่าน้อยมากกับสีต่างๆที่มีบนโลกอยู่ดี

“นั้นหมายความว่าแม้คะแนนเหล่านี้จะสูง ก็ใช่ว่าสีจะตรงเสมอไป”

แล้วทำไมต้อง SSI ?

SSI (Spectral Similarity Index) ถูกพัฒนาขึ้นโดย The Academy of Motion Picture Arts and Sciencesหรือที่เราคุ้นเคยกัน ก็ที่เค้ามอบรางวัล Oscar นั้นแหละครับ

โดย SSI ไม่ได้ใช้การเทียบเคียงหรือวัดกับแม่สี แต่ใช้ Color Spectrum ที่ครอบคลุมทุกสีทุกเฉด และถูกพัฒนามาเพื่อไฟ LED สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และการมองเห็นสีของกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะ

และสำหรับแบรนด์ amaran by Apurture ตอนนี้เราระบุค่า SSI ไว้เกือบทุกรุ่นครับ มากบ้างน้อยบ้างเราก็โชว์กันให้ดูจะๆแต่ถ้าคุณต้องการแม่นจัดๆ ต้อง amaran “S Series” เลยเพราะเป็นรุ่นที่พัฒนาตัวชิปเซ็ต โดยอ้างอิงกับค่า SSI โดยตรง

และพอสีที่ตรงจริงๆ ก็ช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นทั้งระหว่างการถ่ายทำ และในขั้นตอนการ Post Productionส่วนคำถามที่ว่าทำไมแบรนด์อื่นๆถึงไม่ระบุค่า SSI ใน specผมไม่ทราบครับ แต่ผมคิดว่า ถ้าเป็นผมวัดคะแนนอะไรได้สูงๆผมคงอยากโชว์ ให้คนอื่นรู้นะ เว้นแต่ว่าาาา….😎

SSI ทำให้งานของคุณง่ายขึ้นยังไง ?

สามารถเพิ่มรายละเอียดของแสงให้ทุกงานมีความยืดหยุ่นให้สีที่อิ่ม ดูสมจริง เพิ่มความสามารถในการควบคุมแสงจนถึงกระบวนการ color grading

แล้ว SSI เหมาะกับงานประเภทไหน

1.อุตสหกรรมฟิลม์ที่ต้องการโทนสีที่ดูธรรมชาติสมจริงมีมิติ

2. งาน pack shot ที่ต้องการความแม่นยำของสี หรือ fashion set ซึ่งต้องการความเที่ยงตรงของเฉดสีที่หลากหลาย

3. โปรดักชั่นที่ต้องการความแม่นยำในการทำงานกับไดนามิกของแสงและสี

4.งาน portrait ต้องการสกินโทนที่ดูธรรมชาติ

ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.oscars.org/science-technology/projects/spectral-similarity-index-ssi

ฝากกดติดตามเพจ amaran Thailand ไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ

และข้อมูลสินค้าต่างๆจาก amaran ได้ที่ https://advancedphotosystems.com/